วันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2557

การตกกล้าในดินเปียก

          การตกกล้าในดินเปียก  จะต้องเลือกหาพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ของดินดีเป็นพิเศษ สามารถป้องกันนกและหนูที่จะเข้าทำลายต้นกล้าได้เป็นอย่างดี  และมีน้ำพอเพียงกับความต้องการ การเตรียมดินก็มีการไถดะ  ไถแปรและคราดดังได้กล่าวมาแล้ว แต่ต้องยกเป็นแปลงสูงจากระดับน้ำในผืนนานั้นประมาณ    เซนติเมตร  ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เมล็ดที่หว่านลงไปจมน้ำและดินจนเปียกชุ่มอยู่เสมอ   ถ้าจะให้ดียิ่งขึ้นควรแบ่งแปลงนี้  ออกเป็นแปลงย่อยขนาดกว้าง   ๕๐ เซนติเมตร และมี ความยาวขนานไปกับทิศทางลม  ระหว่างแปลงเว้นช่องว่างไว้สำหรับเดินประมาณ ๓๐ เซนติเมตร ทั้งนี้เพื่อลดแรงระบาดของโรคที่จะเข้าไปทำลายต้นข้าว  เช่น โรคไหม้

          เมล็ดพันธุ์ที่เอามาตกกล้าจะต้องเป็นเมล็ดที่สมบูรณ์  ปราศจากเชื้อโรคต่าง ๆ  ด้วยเหตุนี้จะต้องทำความสะอาดเมล็ดพันธุ์เสียก่อน โดยแยกเอามาเฉพาะเมล็ดที่สมบูรณ์ และเอาเมล็ดที่ไม่สมบูรณ์ซึ่งมีน้ำหนักเบากว่าปกติทิ้งไป   การคัดเลือกเอาเมล็ดที่สมบูรณ์อาจทำได้โดยเอาเมล็ดพันธุ์ไปใส่ในน้ำเกลือที่มีความถ่วงจำเพาะ  ๑.๐๘  ซึ่งเตรียมไว้ โดยเอาน้ำสะอาด ๑๐  ลิตรผสมกับเกลือแกงหนัก  ๑.๗  กิโลกรัม เมล็ดที่ไม่สมบูรณ์จะลอย ส่วนเมล็ดสมบูรณ์นั้นจมลงไปที่ก้นของภาชนะ
          เอาเมล็ดที่ต้องการตกกล้าใส่ถุงผ้าไปแช่น้ำนาน  ๑๒-๒๔  ชั่วโมง แล้วเอาขึ้นมาวางไว้บนแผ่นกระดานในที่ที่มีลมถ่ายเทได้สะดวก  และเอาผ้าหรือกระสอบเปียกน้ำคลุมไว้นาน ๓๖-๔๘  ชั่วโมง ซึ่งเรียกว่า  การหุ้ม หลังจากที่ได้หุ้มเมล็ดไว้ครบ  ๓๖-๔๘  ชั่วโมงแล้วเมล็ดข้าวก็จะงอก จึงเอาไปหว่านลงบนแปลงกล้าที่ได้เตรียมไว้ ก่อนที่จะหว่านเมล็ดลงบนแปลงกล้าควรใส่ปุ๋ยพวกที่ให้ธาตุไนไตรเจน  และฟอสฟอรัสเสียก่อน  และใช้ไม้กระดานลูบแปลงเพื่อกลบปุ๋ยลงไปในดิน ปกติใช้เมล็ดพันธุ์จำนวน ๕๐-๘๐ กิโลกรัม/เนื้อที่แปลงกล้า ๑ ไร่
          เมื่อต้นกล้ามีอายุครบ ๒๕-๓๐ วัน นับจากวันหว่าน เมล็ดต้นกล้าก็จะมีขนาดโตพอที่จะถอนเอาไปปักดำได้  การตกกล้าแบบนี้เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายในการทำนาดำในประเทศไทย

0 ความคิดเห็น:

จำนวนผู้เข้าชม